เมนู

บทความมวย ฮาฟธอร์ บียอร์นส์สัน จากจอมพลังสู่นักมวย

บทความมวย ฮาฟธอร์

บทความมวย เอ่ยชื่อของ ฮาฟธอร์ บียอร์นส์สัน หลายคนอาจไม่รู้จัก แต่ถ้าบอกว่าเขาคนนี้แหละ คือผู้รับบท เซอร์ เกรกอร์ คลีแกน หรือ The Mountain ในซีรี่ส์ Game of Thrones เชื่อว่าน่าจะร้องอ๋อกันไม่น้อย

บทความมวย ฮาฟธอร์ บียอร์นส์สัน ทว่าตอนนี้ ภาพของเจ้าตัวในซีรี่ส์ ถูกสลัดออกไปจนหมดสิ้นด้วยตัวของเขาเอง

เพราะนอกจากรอยสัก (ซึ่งอันที่จริง ทีมงานถ่ายทำต้องเมคอัพลบรอยสักก่อนเข้าฉาก) หุ่นของเขายังเปลี่ยนไป จากเจ้าเนื้อ กลายเป็นมีซิกแพ็ก เขาทำได้อย่างไร มาติดตามไปพร้อมๆ กันกับ MTM88s

ลดแคลอรี่ฮวบฮาบ

บทความมวย ฮาฟธอร์

บท The Mountain แห่ง Game of Thrones ทำให้ ฮาฟธอร์ บียอร์นส์สัน เป็นที่รู้จักของคนทั่วโลกก็จริง ทว่าในวงการกีฬา เจ้าตัวเป็นที่รู้จักในฐานะมนุษย์จอมพลัง ดีกรี World’s Strongest Man ปี 2018 และเจ้าของสถิติยกท่า Deadlift ด้วยน้ำหนักมากที่สุดในโลก 501 กิโลกรัม เมื่อปี 2020

ทว่าหลังทำสถิติโลกได้ ฮาฟธอร์ก็ตัดสินใจอำลาวงการจอมพลัง เพื่อหันไปเอาดีด้านการชกมวยสากล

แม้อาศัยพละกำลังเหมือนกัน แต่มวยเป็นกีฬาที่ต้องใช้ความคล่องตัวสูงกว่ากีฬาจอมพลังเป็นอย่างมาก การเปลี่ยนร่างของเขาจึงเริ่มต้นขึ้น

สิ่งแรกที่ต้องเปลี่ยน หนีไม่พ้นการกิน เพราะจากเดิมที่เจ้าตัวนำพลังงานเข้าสู่ร่างกายสูงถึงวันละ 10,000 แคลอรี่ ก็ลดลงเหลือเพียงวันละ 4,000 แคลอรี่เท่านั้น โดยแบ่งอาหารออกเป็น 5 มื้อ ซึ่งเจ้าตัวเผยจากปากเองว่า รับประทานแบบนี้แทบจะทุกวัน

มื้อแรกของวัน ประกอบไปด้วย ไข่ 3 ฟอง, ไก่ 200 กรัม กับสมูธตี้ (โยเกิร์ต 150 กรัม, เบอร์รี่ 100 กรัม, ข้าวโอ๊ต 40 กรัม) มื้อสอง เนื้อสันใน 220 กรัม, ข้าวขาว 180 กรัม, ผักใบเขียว 100 กรัม มื้อสาม ไก่ 220 กรัม, มันฝรั่ง 250 กรัม, ผักใบเขียว 100 กรัม มื้อสี่ ปลาแซลมอน 220 กรัม, ข้าวขาว 100 กรัม, ผักใบเขียว 100 กรัม และมื้อห้า โยเกิร์ตกรีก 250 กรัม, เนยอัลมอนด์ 30 กรัม, กล้วย 100 กรัม ผสมกัน ตบท้ายด้วยเวย์โปรตีน 1 ช้อนละลายน้ำ

แน่นอน ตามสไตล์คนเล่นกล้าม ต้องมี Cheat Day หรือวันปล่อยผี กินอะไรก็ได้ตามใจอยาก ซึ่งวันปล่อยผีของฮาฟธอร์นั้น สุดไม่แพ้กับ ดเวย์น จอห์นสัน หรือ The Rock อดีตนักมวยปล้ำที่ปัจจุบันคือดาราฮอลลีวูดระดับ A-List เพราะอุดมไปด้วยอาหารแคลอรี่สูงอย่าง เบคอน และ ฮันนี่โทสต์

ออกกำลังสุดโหด

บทความมวย ฮาฟธอร์

แน่นอนว่า การลดน้ำหนักที่ได้ประสิทธิภาพ แค่ควบคุมเรื่องการกินคงไม่พอ การออกกำลังกายก็เป็นอีกเรื่องสำคัญ และ ฮาฟธอร์ บียอร์นส์สัน ใส่สุดกับเรื่องนี้เช่นกัน และถึงขั้นมีการทำคลิป Vlog บอกเล่าคอร์สฟิตหุ่นเพื่อเป็นนักมวยด้วย

โปรแกรมการซ้อมในแต่ละวันของฮาฟธอร์ ถือว่ามีครบทั้ง คาร์ดิโอ, เวทเทรนนิ่ง รวมถึงการฟื้นฟูร่างกาย โดยตอนเช้าจะเป็นการคาร์ดิโอ ไม่ว่าจะเป็นการวิ่ง, ชกมวย ซึ่งมีทั้งการชกกับกระสอบทราย ล่อเป้า และลงนวมบนเวที หรือแม้แต่การปั่นจักรยานโยก ซึ่งเจ้าตัวทำให้ดูในการถ่าย Vlog ใช้สูตร ช้า 30 วินาที ปานกลาง 20 วินาที เร็ว 10 วินาที วนไป 5 รอบต่อเซต พัก 3 นาทีระหว่างเซต โดยทำ 3-6 เซตต่อวัน

ขณะที่ตอนบ่าย เน้นเวทเทรนนิ่ง ซึ่งมีหลายท่า โดยในวันที่เจ้าตัวถ่ายคลิป Vlog นั้น ทำท่า Shoulder Press 5 ครั้ง, Pulldown เซตละ 8 ครั้ง 3 เซต รวมถึงยกดัมเบล เพื่อเสริมกล้ามเนื้อ Biceps, Triceps โปรแกรมจะมีการเปลี่ยนท่าออกกำลังไปเรื่อย ๆ ตามแต่วัน และจะไม่เน้นการเวทเทรนนิ่งแบบหนักหน่วง เพียงแค่ให้ร่างกายจดจำความรู้สึกได้

หลังผ่านการฝึกซ้อมอย่างหนักหน่วง ฮาฟธอร์จะจบโปรแกรมในแต่ละวัน ด้วยการลงสระ ว่ายน้ำเบา ๆ รวมถึงเดินในน้ำ เพื่อช่วยเรื่องการฟื้นฟูร่างกาย ก่อนเข้าอบซาวน่า 15 นาที ปิดท้ายด้วยการแช่ตัวในอ่างน้ำแข็งอีก 15 นาที

ผลลัพธ์ และเป้าหมาย

ผลลัพธ์จากการปรับเปลี่ยนทั้งการกินและการออกกำลังกายในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา สะท้อนออกมาผ่านรูปลักษณ์ของ ฮาฟธอร์ บียอร์นส์สัน ที่เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด

ภาพพุงหลามที่เห็นในการแข่งขันจอมพลัง หรือแม้แต่ในซีรี่ส์ Game of Thrones ไม่มีให้เห็นอีกต่อไป รูปร่างของฮาฟธอร์เฟิร์มขึ้น มีซิกแพ็กเห็นเด่นชัด ที่สำคัญ น้ำหนักตัวของเขาลดลงถึง 50 กิโลกรัม

จากน้ำหนักสมัยแข่งจอมพลังที่ 205 กิโลกรัม หรือ 450 ปอนด์ น้ำหนักในตอนนี้ของฮาฟธอร์เหลือเพียง 155 กิโลกรัม หรือราว 340 ปอนด์ ซึ่งเจ้าตัวเผยจากปากเองด้วยว่า ตอนนี้เขามีความสุขกับรูปร่างของเขาแบบสุด ๆ เพราะทั้งดูดีและดูสุขภาพดีอีกด้วย

หลายคนอาจสงสัยว่า ฮาฟธอร์จะทรมานร่างกายตัวเองด้วยการลดน้ำหนักไปทำไม ? คำตอบก็คือ ตัวเขามีเป้าหมาย หรืออันที่จริงอาจต้องเรียกว่า บัญชีแค้น ที่ต้องสะสาง และเป้าหมายคนที่ว่าชื่อ … เอ็ดดี้ ฮอลล์

นี่คือคู่แข่งในสนามจอมพลังที่ฮาฟธอร์ประฝีมือกันมานาน จนนำมาซึ่งความบาดหมาง เมื่อฮาฟธอร์กล่าวหาเอ็ดดี้ว่า โกงจนคว้าแชมป์ World’s Strongest Man ปี 2017 ขณะที่เอ็ดดี้ก็สวนกลับว่า ฮาฟธอร์เองก็โกงจนได้แชมป์ World’s Strongest Man ปี 2018 เช่นกัน ไม่เพียงเท่านั้น การทุบสถิติโลกท่า Deadlift ของฮาฟธอร์ยังไม่โปร่งใสอีกด้วย เพราะทำในยิมส่วนตัว แม้มีการถ่ายทอดสดก็ตาม

เมื่อบาดหมางกันนัก ก็จับมาฟาดปากกันให้รู้แล้วรู้รอดกันไป จนบังเกิดเป็นศึกดวลหมัดของ 2 จอมพลัง “The Beast” เอ็ดดี้ ฮอลล์ ปะทะ “The Mountain” ฮาฟธอร์ บียอร์นส์สัน ในไฟต์ที่ถูกเรียกว่า “The Heaviest Boxing Match in History”

อย่างไรก็ตาม ไฟต์ของทั้งคู่กลับเจออุปสรรค เมื่อเอ็ดดี้ได้รับบาดเจ็บ จนทำให้ไฟต์ที่เดิมมีกำหนดแข่งวันที่ 18 กันยายน 2021 ต้องถูกเลื่อนออกไป ซึ่งฮาฟธอร์ไม่ปล่อยให้ตัวเองว่าง จิ้มเลือก เดวอน ลาร์รัตต์ นักงัดข้อมืออาชีพ และอดีตทหารในกองทัพแคนาดามาเป็นคู่ชกแทน ก่อนที่ฮาฟธอร์จะต่อยเดวอนจนหมดสภาพด้วยเวลาเพียง 2 นาทีของยกแรก จากกำหนด 6 ยกเท่านั้น

คาดการณ์ว่ากำหนดการต่อสู้ใหม่ของ เอ็ดดี้ ฮอลล์ และ ฮาฟธอร์ บียอร์นส์สัน จะมีขึ้นในเดือนมีนาคม 2022 ถึงวันนั้นคงต้องรอดูกันว่า การเปลี่ยนร่างของฮาฟธอร์ จะทำให้เขาปิดบัญชีแค้นได้หรือไม่ ?


ติดตามข่าวสารมวยไปกับหมัดต่อหมัด คลิก 

อยากรู้เรื่องมวยฉับไวก่อนใคร แอดมาที่นี่ Line : @UFA88SV1

Facebook : https://www.facebook.com/punchboxing88