เมนู

บทความมวย | วันเฮง มีนะโยธิน อดีตแชมป์โลกไร้พ่าย 54 ไฟต์ ในรุ่นฟลายเวท

บทความมวย | วันเฮง มีนะโยธิน อดีตแชมป์โลก 54 ไฟต์ ผู้อยู่เหนือ “ฟลอยด์”

บทความมวย | วันเฮง มีนะโยธิน มีชื่อจริงว่า ชยพล มูลศรี หรือที่เรารู้จักกันในสมยานาม “ยักษ์แคระ” แชมป์โลกไร้พ่ายผู้อยู่เหนือกว่า “ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์” ดำลงอยู่ในจุดสูงสุดของวงการมวยโลก ที่ไม่เคยมีผู้ใดสามารถเอื้อมถึง เมื่อเรามองย้อนกลับ ณ จุดเริ่มต้น นี่มันเป็นสิ่งที่น่าเหลือเชื่อ ที่นักมวยร่างเล็กจากจังหวัดสารคาม จะสามารถไต่เต้าขึ้นมาได้ถึงจุดนี้ได้

กว่าจะมาเป็น “ยักษ์แคระ” เขาผู้นี้เขาผ่านมาเยอะ

บทความมวย | วันเฮง มีนะโยธิน

เชื่อหรือไม่ว่า ชยพล มีนะโยธิน ไม่เคยคาดฝันว่าตัวของเขาเองจะได้มาโลดแล่นอยู่ในเวทีมวยอาชีพ เมื่อเราย้อนกลับไปในช่วงวัยเด็ก เขามักจะเข้าไปวิ่งเล่นอยู่ในค่ายมวย “เพชรปทุม” ที่มีน้าชายของเขาเป็นเจ้าของ วันเวลาผ่านไปเนิ่นนาน วันเฮง ก็เริ่มซึมซับ และเริ่มหลงไหลในวิชาการต่อสู้ นี่จึงเป็นสาเหตุทำให้เขาเริ่มหัดชกมวยอย่างจริงจัง หลังจากนั้นก็ได้เดินสายขึ้นชกตามงานวัด และเทศกาลต่าง ๆ เช่นกับตำนานมวยชาวไทยหลาย ๆ ท่าน ในช่วงเริ่มแรกเขาได้ค่าตัวเพียงไฟต์ละ 500 บาทเท่านั้น แต่ความเก่งกาจที่มีอยู่เหนือกว่าเด็กในรุ่นราวคราวเดียวกันทำให้หาคู่ชกได้คค่อนข้างยาก นั่นก็ทำให้เขาได้มองหาโอกาสใหม่ ๆ ที่จะได้เดินทางไปชกที่เมืองหลง

ณ ช่วงเวลานั้นมีค่ายมวย “มีนะโยธิน” ติดต่อมาว่าต้องการนักมวยจากค่ายเพรชปทุม 2 คน ไปขึ้นชกที่กรุงเทพฯ แต่ทว่า ชยพล นั้นไม่ได้เป็นผู้ที่ถูกเลือกตั้งแต่แรก เมื่อเขาได้รู้ว่าตนจะไม่ใช่ผู้ที่ถุกเลือก แต่อย่างน้อยเขาก็ขออาสาเป็นเด็กแบกกระเป๋าให้กับนักมวยทั้ง 2 คนนั้น เพราะหวังว่าซักวันโอกาสจะเป็นของเขาบ้าง

หลังจากเข้ามาอยู่ที่ค่ายมวย ” มวยมีนะโยธิน” แล้ว ก็ยังคงรอโอกาสที่จะได้ได้ซ้อมมวยเหมือนคนอื่น ๆ ในช่วงระยะเวลา 3 เดือนแรก ได้ทำงานทุกอย่างไม่ว่าใครจะใช้อะไร เขาไม่เคยปริปากบ่นซักครั้ง จนสามารถเอาชนะ ใจน้า “เฮง” เฮง ศักดิ์ชัยสิทธิ์ (หัวหน้าค่าย) จึงได้เริ่มให้เขามาซ้อมมวยตามที่ได้หวังเอาไว้ ก่อนที่จะได้มีโอกาสได้ขึ้นชกในรายการใหญ่อย่าง “ศึกเพชรยินดี” เป็นรายการแรก หลังจากนั้นก็มีโอกาสได้ขึ้นชกในเวทีใหญ่ ทั้ง ลุมพินี และ ราชดำเนิน มาตลอด

ใครจะเชื่อว่าจากเด็กที่อาสาแบกกระเป๋าในวันนั้น จะสามารถก้าวหน้าขึ้นมาเป็นนักมวยที่มีชื่อได้รวดเร็วขนาดนี้ อาจจะเป็นเพราะพลังหมัดที่หนัก และการออกอาวุธที่หนักหน่วง และความเฉียบคมของลูกไม้ทำให้จุดหนึ่ง ชยพล จึงสามารถขึ้นมาอยู่ในจุดสูงสุด ในรุ่น 105 ปอนด์ (สตรอว์เวท) จนน้อยคนนักที่จะกล้ามาท้าชิง

แชมป์โลกผู้ไม่ถูกจดจำ

เมื่อไม่มีใครกล้าท้าชิง รายได้ที่ควรจะได้ก็ค่อย ๆ ถดหาย ในเมื่อไม่มีใครกล้าขนชก ชยพล ก็ได้มองหาโอกาสใหม่ให้กับเส้นทางชีวิต โดยผันตัวไปชกมวยสกลอาชีพ ตามที่ “เสี่ยเน้า” ได้เคยแนะนำเอาไว้ และได้รับการสนับสนุนจาก “เสี่ยตังค์” นี่จึงเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในชีวิตของเขาอีกครั้ง แม้ว่าตัวของเขาเองจะไม่ค่อยชอบชกในรูปมวยสากลสักเท่าไหร่ นั่นก็เพราะว่าสไตล์การชกของมวยไทย และมวยสากลนั้นแตกต่างกันค่อนข้างมาก ทำให้ต้องปรับใหม่เกือบทั้งหมดอย่างไรก็ตาม เขาย่อมรู้ดีที่สุดว่าต่อให้เขาดึงดันจะชกมวยไทยต่อไปก็ยากที่มีใครมาท้าชิงด้วย

สำหรับการผันตัวมาสู่มวยสากลในช่วงแรก ชยพล ไม่ได้เก่งกาจเหมือนสมัยที่ชกมวยไทย เขาใช้เวลาปรับตัว และขัดเกลาฝีมือนานพอสมควร แต่เมื่อถึงเวลาที่เขาพร้อมที่จะขึ้นชก เขาก็ได้กลับมาเฉิดฉายอีกครั้งด้วยการเป็นแชมป์โลกเยาวชนโลก รุ่นมินิมัมเวต รุ่น 105 ปอนด์ ของสภามวยโลก WBC ก่อนจะสละตำแหน่งขึ้นมาชกอาชีพแบบเต็มตัวโดยไฟต์แรกนั้นเขาเอาชนะ “เรียอัล กาเด้” นักชกฟิลิปปินส์ เมื่อต้นปี 2007 ตลอดเวลา 12 ปีเต็มจนถึงไฟต์ล่าสุด สามารถป้องกันแชมป์ครั้งที่ 12 เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2019 โดยชนะคะแนน “ซิมพิเว คองโก” นักชกแอฟริกาใต้ สร้างสถิติชนะรวด 54 ไฟต์ติดต่อกัน เป็นการชนะคะแนน 36 ครั้งชนะน็อก 18 ครั้ง ซึ่งสถิติดังกล่าวนั้นเหนือกว่าสุดยอดนักมวยอย่าง “ฟลอย์ เมย์เวตเธอร์ จูเนียร์” นักชกซูเปอร์สตาร์ชาวอเมริกัน (50 ไฟต์) และ “ร็อคกี้ มาร์เซียโน” (49ไฟต์) ตำนานนักมวยรุ่นเฮฟวี่เวต


ติดตามข่าวสารมวยไปกับหมัดต่อหมัด คลิก 

อยากรู้เรื่องมวยฉับไวก่อนใคร แอดมาที่นี่ Line : @mtm88

Facebook : https://www.facebook.com/punchboxing88