เมนู

บทความมวย เจสซี่ โรดริเกซ คู่ท้าชิงผู้ล้ม ศรีสะเกษ

บทความมวย เจสซี่

บทความมวย เจสซี่ โรดริเกซ กลายเป็นสุดยอด นักชกชาวอเมริกันวัย 22 ปี ที่คว้าแชมป์โลกซูเปอร์ฟลายเวต WBC มาครอง

บทความมวย เจสซี่ โรดริเกซ หากกล่าวถึงสุดยอดนักมวยสากลในปัจจุบันนี้ หนึ่งในนั้นย่อมเป็น ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น ยอดแชมป์โลกรุ่นซูเปอร์ฟลายเวต 2 สมัยชาวไทย ซึ่งนอกจากตัวเขาแล้ว นักชกคนใดที่สามารถเอาชนะเขาได้ ย่อมหมายถึงการเป็นสุดยอดเช่นเดียวกัน Main Stand ขอถือโอกาสนี้พาคุณไปรู้จักกับ เจสซี่ โรดริเกซ หนุ่มน้อยผู้ไร้พ่ายตลอด 6 ปีบนเส้นทางมวยสากลอาชีพ กับเป้าหมายสำคัญที่ต้องการก้าวสู่ตำแหน่งหมายเลขหนึ่งบนเวทีนี้ ออกเดินทางพร้อมความสำเร็จ การคว้าแชมป์โลกรุ่นซูเปอร์ฟลายเวต WBC ตั้งแต่อายุ 22 ปี อาจสร้างความประหลาดใจให้กับแฟนมวยที่เพิ่งเคยได้ยินชื่อของ เจสซี่ โรดริเกซ อยู่ไม่น้อย แต่สำหรับใครที่ติดตามการเดินทางบนสังเวียนของนักชกชาวอเมริกันรายนี้จะทราบดีว่านี่ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเลย เพราะตลอดอาชีพนักมวยของเจสซี่มีแต่ความสำเร็จรายล้อมการเดินทางของเขา เริ่มต้นจากบทบาทนักมวยสากลสมัครเล่น เจสซี่ โรดริเกซ เริ่มสร้างชื่อให้กับตัวเองเป็นครั้งแรกในปี 2015 ด้วยการคว้าแชมป์เยาวชนแห่งชาติสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่อายุ 15 ปี ควบด้วยการคว้าเหรียญเงินในการแข่งขันชิงแชมป์โลกรุ่นเยาวชน ก่อนที่ในปีถัดมาเขาจะป้องกันแชมป์เยาวชนแห่งชาติสหรัฐอเมริกาได้อีกครั้ง และยังคว้าแชมป์ทัวร์นาเมนต์เยาวชนสหรัฐอเมริกามาครองได้อีก ความสำเร็จที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วบนเวทีสมัครเล่น ส่งผลให้เจสซี่ตัดสินใจเอาดีบนเวทีอาชีพตั้งแต่ปี 2017 และเผลอเพียงแป๊บเดียว เขาก็กวาดชัยชนะบนสังเวียนผ้าใบมา 9 ไฟต์รวดโดยไม่แพ้ใคร ผลงานอันโดดเด่นนี้นำมาสู่บททดสอบสำคัญในเดือนกรกฎาคม 2019 เมื่อเจสซี่ต้องขึ้นชกกับ เซซาร์ การ์เซีย โทร์ริโฆส ที่ชนะ 11 ไฟต์รวดโดยยังไม่เคยแพ้ใครเช่นเดียวกัน นี่คือแมตช์ที่เดิมพันด้วยสถิติไร้พ่ายเพื่อพิสูจน์ว่าใครคือของจริง แต่แทนที่ผู้ชมจะได้ดูการต่อสู้อันสูสี เจสซี่ กลับน็อกคู่แข่งของเขาลงไปกองกับพื้นตั้งแต่ยกที่ 3 ของการแข่งขัน นับเป็นชัยชนะแบบไม่ต้องนับคะแนนนัดที่ 6 ของเขา พร้อมกับสถิติไร้พ่ายที่ดำเนินต่อไปเป็น 10-0 ชัยชนะแมตช์ดังกล่าวทำให้ชื่อของเจสซี่ถูกจับตาโดยโปรโมเตอร์ชื่อดัง ก่อนที่เขาจะได้รับโอกาสให้เจอกับอดีตผู้ท้าชิงแชมป์โลกรุ่นไลท์ฟลายเวตอย่าง จาเนียล ริเวร่า ในเดือนกันยายน 2020 ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมากลับกลายเป็นว่า นี่คือชัยชนะที่ง่ายกว่าแมตช์เดิมพันสถิติไร้พ่ายเสียอีก เพราะเจสซี่ชนะน็อกริเวร่าตั้งแต่ยกแรก แถมยังส่งคู่แข่งของเขาลงไปนอนกองกับพื้นได้ถึง 3 รอบภายในระยะเวลา 2 นาที ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เจสซี่ พิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็นแล้วว่าเขาดีพอที่จะก้าวไปชิงแชมป์โลกในเร็ววัน และเพื่อไม่ให้เหลือใครสงสัยในฝีมือของเขาอีก เจสซี่จึงเอาชนะ ซาอูล ฆัวเรซ ในเดือนธันวาคม 2020 แบบน็อกเอาต์ตั้งแต่ยกสองของการแข่งขัน โดยในไฟต์นี้ถือเป็นครั้งแรกที่เขาก้าวขึ้นมาเป็นตัวเต็งของการแข่งขันมวยไฟต์ใหญ่และสามารถคว้าชัยชนะได้ตามคาด นี่จึงเป็นเครื่องยืนยันว่า เจสซี่ โรดริเกซ ไม่เหลือเส้นทางไหนให้เขาเลือกเดินอีกนอกจากการก้าวไปชิงแชมป์โลกเพียงอย่างเดียวเท่านั้น โชคชะตานำพาสู่แชมป์โลก หลังจากชัยชนะ 13 ไฟต์รวดไม่แพ้ใคร เจสซี่ถูกวางตัวให้เป็นผู้ท้าชิงแชมป์โลก WBA รุ่นไลท์ฟลายเวต 108 ปอนด์ จาก เอสเตบัน เบอร์มิวเดซ ในช่วงปลายปี 2021 โดยที่เบอร์มิวเดซเพิ่งคว้าแชมป์โลกเมื่อเดือนพฤษภาคม ปี 2021 นี่จึงเป็นไฟต์ของสองนักมวยรุ่นใหม่มาแรงที่แฟนทั่วโลกตั้งตารอ แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นคือ มีฝ่ายหนึ่งกลับไม่ต้องการเห็นแมตช์ระหว่างเจสซี่กับเบอร์มิวเดซเกิดขึ้น นั่นคือ WBA หลังจากทางสมาคมต้องการจัดแมตช์รวมแชมป์โลกไลท์ฟลายเวตระหว่างเบอร์มิวเดซกับ ฮิโรโต เคียวกูจิ นักชกชาวญี่ปุ่น ที่เป็นซูเปอร์แชมป์เสียมากกว่า แต่เนื่องจากเบอร์มิวเดซต้องการป้องกันแชมป์แบบธรรมดา เขาจึงเลือกเจสซี่มาเป็นผู้ท้าชิงโดยไม่สนใจคำสั่งของ WBA ท้ายที่สุด WBA จึงไม่รับรองแมตช์ชิงแชมป์โลกที่ควรจะเกิดขึ้นระหว่างเจสซี่กับเบอร์มิวเดซ ทำให้ไฟต์ถูกยกเลิก นักชกชาวสหรัฐอเมริกาจึงต้องแก้ขัดด้วยการเปลี่ยนไปต่อยอุ่นเครื่องกับ โฆเซ่ อเลฮานโดร เบอร์กอส และรอคอยโอกาสชิงแชมป์โลกของตัวเองต่อไป ซึ่งคราวนี้ก็มีเสือปืนไวเข้ามาเสนอโอกาสให้เด็กหนุ่มรายนี้ นั่นคือ สมาคม WBC ที่หวังจะให้เจสซี่เข้ามาชิงแชมป์รุ่นฟลายเวต 112 ปอนด์ ของสภามวยสหรัฐอเมริกา เห็นได้อย่างชัดเจนว่า เจสซี่ ยังคงถูกมองข้ามโดยสองสมาคมมวยสากลระดับโลก เมื่อสมาคมหนึ่งเลือกยกเลิกแมตช์ของเขา ส่วนอีกสมาคมถึงจะให้โอกาสชิงแชมป์แต่ก็เป็นแชมป์เส้นรองไม่ใช่แชมป์โลก โดยคู่ชิงแชมป์ของเจสซี่ถูกวางเอาไว้ให้เป็นมวยคู่เปิดของศึกชิงแชมป์โลกรุ่นซูเปอร์ฟลายเวตระหว่าง คาร์ลอส คูเอดราส กับ ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น แต่วาสนาคนจะเป็นแชมป์โลก แม้จะมีอุปสรรคมาขวางกั้นมากแค่ไหนอย่างไรต้องได้เป็นแชมป์ เพราะก่อนการชกชิงแชมป์โลกรุ่นซูเปอร์ฟลายเวตเพียงห้าวัน ศรีสะเกษได้ถอนตัวจากการแข่งขันเพราะอาการป่วย และจากความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน เจสซี่ โรดริเกซ จึงถูกเลือกขึ้นมาชิงแชมป์โลกที่ว่างอยู่กับคูเอดราสแทน
นี่จึงเป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่และท้าทายสำหรับเจสซี่มาก เพราะเขามีเวลาเตรียมตัวรับมือกับอดีตแชมป์โลกชื่อดังไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ด้วยซ้ำ แถมยังต้องเพิ่มน้ำหนักมากขึ้นกว่าเดิมอีกต่างหาก โดยครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2018 ที่เขาขยับมาชกในรุ่นซูเปอร์ฟลายเวต 115 ปอนด์ เมื่อพิจารณาจากองค์ประกอบทั้งหมดแล้ว เขาตกเป็นรองคู่ต่อสู้อย่างไม่ต้องสงสัย แต่เมื่อเสียงระฆังดังขึ้น กลับกลายเป็นเจสซี่ที่ตัวเล็กกว่าและประสบการณ์น้อยกว่าสามารถไล่ต้อนคูเอดราสได้อย่างน่าเหลือเชื่อ แถมยังส่งอดีตแชมป์โลกลงไปกองกับพื้นได้ตั้งแต่ยกสามด้วยอัปเปอร์คัตขวาที่โจมตีคู่แข่งเข้าอย่างจัง หลังจากนั้นเกมไม่เคยพลิกไปหาคูเอดราสอีก เจสซี่พลิกขึ้นมาเป็นต่อหมดจดจนอัตราต่อรองเปลี่ยนไปถึง 66 เปอร์เซ็นต์ จากแรกเริ่มเดิมทีที่นักชกวัย 22 ปีเป็นมวยรอง
แม้คูเอดราสจะเอาตัวรอดครบ 12 ยกได้ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เขารอดจากความพ่ายแพ้ เจสซี่เอาชนะไปด้วยการนับคะแนนแบบเอกฉันท์ กลายเป็นแชมป์โลกรุ่นซูเปอร์ฟลายเวตคนใหม่ของ WBC ด้วยวัย 22 ปี นี่คือแชมป์โลกสมัยแรกของเขาโดยยังคงสถิติไร้พ่าย พร้อมกับรั้งตำแหน่งแชมป์โลกมวยสากลที่อายุน้อยที่สุดในขณะนี้ บทพิสูจน์สู่หมายเลขหนึ่ง หลังจากจบไฟต์ชี้ขาดแชมป์โลกรุ่นซูเปอร์ฟลายเวต เจสซี่ มีสถิติ 15-0 จากการขึ้นชกตลอด 6 ปีบนเวทีอาชีพ และการคว้าชัยเหนือตำนานอย่างคูเอดราสน่าจะยืนยันให้เห็นชัดเจนแล้วว่าเขามีฝีมือยอดเยี่ยมเพียงใด ถึงอย่างนั้น ชัยชนะแมตช์ใหญ่เพียงครั้งเดียว “โดยบังเอิญ” สามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ และนั่นทำให้ข้อครหาถึงความสามารถที่แท้จริงของเขายังไม่หายไป เพื่อพิสูจน์ตัวเอง เจสซี่จำเป็นต้องป้องกันแชมป์กับนักมวยที่หลายคนมองว่าควรจะได้แชมป์ไม่ใช่เขา นั่นคือ ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น ที่ถอนตัวจากแมตช์ของคูเอดราสเพราะอาการป่วย นี่จึงเป็นไฟต์ที่สำคัญมากสำหรับเจสซี่ เพราะถ้าเกิดแพ้ขึ้นมา นั่นหมายความว่าเขาอาจเป็นเพียงนักมวยที่โชคดีคว้าแชมป์โลกก่อนกลับสู่โลกแห่งความเป็นจริง และเลือนหายไปจากความทรงจำของผู้คนอย่างรวดเร็ว “ผมเชื่อว่าศรีสะเกษคือคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่ผมจะสามารถป้องกันแชมป์ด้วยได้ แต่คุณก็รู้ดีผมไม่ได้มาที่นี่เพื่อเป็นแค่นักมวยธรรมดาทั่วไป และแมตช์ลักษณะนี้จะช่วยสร้างนักสู้ที่พิเศษขึ้นมา นั่นคือเหตุผลที่ผมตอบรับคำท้านี้” เจสซี่ พูดถึงไฟต์ที่อาจจะยากที่สุดในชีวิตนักมวยของเขา “ผมคือนักมวยที่มาแทนที่ศรีสะเกษเมื่อเขาป่วย เพราะฉะนั้น มันไม่มีเหตุผลเลยที่ผมจะไม่เลือกเขาเป็นผู้ท้าชิง ผมหวังว่าเราจะสามารถสร้างไฟต์ที่พิเศษร่วมกันได้” เห็นได้ชัดว่าเจสซี่ไม่ได้หวาดหวั่นศรีสะเกษแม้แต่น้อย และออกจะไปในทางตื่นเต้นที่จะพิสูจน์ตัวเองเสียด้วยซ้ำ ทั้งนี้ ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาจะมีความมั่นใจเต็มเปี่ยม เพราะเนื่องจากฟอร์มอันร้อนระอุในแมตช์กับคูเอดราส เจสซี่ได้พลิกกลับขึ้นมาเป็นมวยต่อเหนือศรีสะเกษไปเสียแล้ว แต่ถึงอย่างนั้น นี่ไม่ใช่งานง่ายของเจสซี่อย่างแน่นอน เพราะศรีสะเกษเปิดเผยว่าเขาซ้อมหนักเพื่อเตรียมร่างกายให้ดีที่สุด และยังตระหนักถึงความสำคัญในแมตช์นี้ ส่งผลให้มีการเตรียมพร้อมเรื่องสภาพจิตใจเป็นอย่างดีเช่นกัน และถึงแม้ศรีสะเกษจะยอมรับว่าเจสซี่เป็นแชมป์ที่ยอดเยี่ยม แต่ท้ายที่สุด นักชกชาวไทยก็มั่นใจว่าเขาจะชนะเพื่อคว้าแชมป์โลกสมัยที่สามมาครองให้ได้ นี่จึงถือเป็นศึกตัดสินระหว่างมวยรุ่นเก๋าที่ยังทะเยอทะยานจะเป็นเบอร์หนึ่งและมวยรุ่นใหม่ไฟแรงที่หวังจะพิสูจน์ว่าเขาคือตัวจริงในรุ่นซูเปอร์ฟลายเวต ซึ่งไม่ว่าผลลัพธ์แมตช์นี้จะเป็นอย่างไรก็ยังคงมีผู้ท้าชิงมากมายรอพวกเขาอยู่เบื้องหน้า ทั้ง ฮวน ฟรานซิสโก้ เอสตราด้า, โรมัน กอนซาเลซ, ฮูลิโอ เซซาร์ มาร์ติเนซ, ซันนี่ เอ็ดเวิร์ดส ไปจนถึง จุนโตะ นาคาตานิ หากหวังจะไปให้ถึงจุดนั้น เจสซี่ โรดริเกซ จำเป็นต้องผ่านศรีสะเกษ และครองแชมป์โลกรุ่นซูเปอร์ฟลายเวต WBC จนกว่าเขาจะถูกยกย่องว่าเป็นเบอร์หนึ่งของวงการ นี่คือความท้าทายที่เขาเต็มใจพร้อมรับและจะทำเต็มที่เพื่อก้าวไปสู่จุดที่ฝันด้วยตัวเอง “มีผู้คนมากมายจับตามองผมอยู่ในขณะนี้ พวกเขาบอกว่าผมจะเป็นนักชกคนต่อไปที่จะครอบครองดิวิชั่นนี้ ผมเห็นหลายคนในโลกออนไลน์บอกว่าผมเป็นกอนซาเลซคนใหม่ นั่นมันยิ่งทำให้ผมมีพลังใจและอยากก้าวไปให้ไกลสมกับที่พวกเขาคาดหวัง” “ศรีสะเกษคือสุดยอดนักชก และถ้าผมชนะเขาได้มันจะเพิ่มความมั่นใจให้กับตัวผมเองได้อีกมาก แถมยังเป็นการยกระดับอาชีพของผมขึ้นไปอีก ตอนนี้ผมรู้สึกว่าผมแข็งแกร่งกว่าไฟต์ก่อนหน้า ผมจะพิสูจน์ว่าผมไม่ได้ฟลุค เพราะว่าผมคือของจริง” “นี่คือการป้องกันแชมป์ครั้งแรกที่ยากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ของผม แต่เช่นเดียวกับที่ผมกล้าก้าวขึ้นไปต่อสู้กับคูเอดราส ผมไม่แม้แต่จะลังเล เพราะผมก้าวขึ้นมาเพื่อเป็นเจ้าแห่งวงการนี้” เจสซี่ กล่าวทิ้งท้ายก่อนการป้องกันแชมป์โลกกับศรีสะเกษ ซึ่งเขาก็ทำได้จริง เพราะในการชกเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน (ตามเวลาสหรัฐอเมริกา) ที่เมืองซานอันโตนิโอ รัฐเท็กซัส บ้านเกิดของเขา เจสซี่ โรดริเกซ ใช้ความเร็วและการออกหมัดที่แม่นยำ ส่ง ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น ลงไปโดนนับแปดในยก 7 ก่อนรัวหมัดจนอีกฝ่ายหลังพิงเชือก กรรมการยุติการชก ชนะ TKO ในยก 8 ป้องกันแชมป์โลกได้สำเร็จ การแพ้น็อกครั้งแรกในรอบ 13 ปี หลังแพ้น็อกครั้งล่าสุดต่อ ยูชิน ยาฟุโสะ แบบ KO ในการชกไฟต์ที่ 2 ของอาชีพเมื่อปี 2009 (ไฟต์ที่แพ้ คาร์ลอส คูเอดราส เมื่อปี 2014 เป็นการแพ้แบบ Technical Decision หลังคูเอดราสมีแผลแตกชกต่อไม่ได้ และต้องรวมคะแนนหลังครบ 8 ยก) อาจเปรียบเสมือนสัญญาณสู่ฉากสุดท้ายบนเส้นทางสายกำปั้นของศรีสะเกษ ทว่าสำหรับ เจสซี่ โรดริเกซ นี่อาจเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น

ติดตามข่าวสารมวยไปกับหมัดต่อหมัด คลิก

อยากรู้เรื่องมวยฉับไวก่อนใคร แอดมาที่นี่ Line : @Gurusportv1